MERS-CoV คืออะไร?
MERS-CoV ย่อมาจาก Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus เป็นโรคติดเชื้อชนิดรุนแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งเป็นไวรัสกลุ่มเดียวกับที่ก่อโรคซาร์ส แต่คนละสายพันธุ์เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง โดยพบการติดเชื้อนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อปี ค.ศ. 2012
ระบาดวิทยา
ปัจจุบันพบว่ามีผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2012 แล้วจำนวน 496 ราย เสียชีวิตแล้ว 93 ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม ผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญและบุคลากรทางการแพทย์ใน 17 ประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น (ข้อมูลเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557) โดยยังไม่พบผู้ติดเชื้อนี้ในประเทศไทยแต่ก็พบว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากมีผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในประเทศแถบตะวันออกกลาง และมีนักท่องเที่ยวแถบตะวันออกกลางเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ทำให้อาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังต่อไป
แนวทางการเฝ้าระวัง
สำนักงานระบาดวิทยาได้จัดทำแนวทางการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 ในประเทศไทย โดยกลุ่มผู้ป่วยที่จะต้องทำการเฝ้าระวัง ได้แก่
1. ผู้ป่วยปอดบวมรุนแรง หรือมีภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
เฉียบพลันที่ไม่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุ
2. ผู้ป่วยปอดบวมที่มีภาวะเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้
· อาศัยหรือเดินทางจากประเทศแถบตะวันออกกลางในช่วง14วัน
ก่อนป่วย
· เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยปอดบวมในช่วง 14วัน
ก่อนป่วย
· สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เข้าข่าย หรือ ผู้ป่วย ในช่วง 14 วันก่อนหรือ
หลังป่วย
· ผู้ป่วยปอดบวมที่เกิดเป็นกลุ่มก้อน คือ พบผู้ป่วยตั้งแต่ 2 ราย
ขึ้นไป ที่เวลาเริ่มป่วยห่างกันไม่เกิน 14 วัน ในชุมชนเดียวกัน
3. ผู้ที่ติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เข้าข่าย หรือ ผู้ป่วยในช่วง 14 วัน ก่อนหรือหลังป่วย
การติดต่อ
ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเชื้อไวรัสนี้จะแพร่กระจายหรือติดต่อกันได้อย่างไร แต่ก็พบว่ามีการติดต่อระหว่างคนได้ โดยมักจะพบได้ในวงจำกัด คือ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และญาติที่ดูแลผู้ป่วย
อาการสำคัญ
โดยทั่วไปจะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ไข้ ไอ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการหอบ หายใจลำบาก ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 30 ของผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะมีอาการรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิต
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีไข้สูง ร่วมกับปอดบวมรุนแรง และ ไม่ทราบว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดใด อาจจะแนะนำให้ใช้ยา ต้านไวรัส oseltamivir ในขนาดที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ได้ แต่โดยทั่วไป จะแนะนำให้ใช้ยาที่ช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น
คำแนะนำในการปฏิบัติตัว
1. ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
โดยควรล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือ
อาจใช้แอลกอฮอล์เจลแทนได้ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร
และหลังเข้าห้องน้ำ
2. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไอ จาม
3. ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่แออัด หากจำเป็นต้องเข้าไปในที่แออัด
ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
4. แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยในกรณีที่มีอาการไอ จาม เพื่อ
ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
|